11 พ.ย. 2556

สัมภาษณ์ชีวิตสุขสันต์ของนักศึกษาสาวจากสองสถาบันดัง…พี่แนน&พี่อาย



สัมภาษณ์ชีวิตสุขสันต์ของนักศึกษาสาวจากสองสถาบันดัง…พี่แนน&พี่อาย
  การเรียนระดับอุดมศึกษาเป็นการเรียนอีกขั้นหนึ่งของชีวิตที่หลายๆคนกำลังจะได้ผ่านเข้าไปสัมผัส หรือหลายคนกำลังสัมผัส และมีอีกหลายคนที่ผ่ายสัมผัสนั้นมาแล้ว ( ดูแก่ไปเลย T.T ) วันนี้ทีมงาน MORPAMAHALAI ได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์ชีวิตแบบมันส์ๆแต่มีสาระของสองสาวคู่ซี้ จากสองสถาบันกันคะ
เริ่มจากพี่แนน สาวอักษร จุฬาฯ พี่แนนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส วิทยา 3 ด้วยแผนการเรียนวิทย์-คณิต แต่หันมาเอาดีด้านภาษาเพราะใจรักการเรียนภาษามากกว่า
พี่แนนคิดว่าความขี้เกียจคืออุปสรรคที่สำคัญในการเรียน เพราะการเรียนภาษาให้ได้ดีนั้นจะต้องทุ่มเทและตั้งใจศึกษา โดยทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษาคือทักษะการฟัง เพราะการฟังออกย่อมหมายถึงความเข้าใจในการสื่อสารได้ต่อไป





พี่แนนแนะเคล็ดลับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันสูง เช่นจุฬาลงกรณ์นี้ว่าควรจะแบ่งเวลาให้ถูกต้อง แบ่งเวลาให้คุ้มค่า นอกจากเวลาเรียน เวลาปรึกษาหารือกับคนรู้ใจ ( ถ้ามี ^^ ) แล้วยังต้องอย่าลืมแบ่งเวลาให้กับครอบครัวอีกด้วย ช่วงพักปิดเทอมจากการเรียน พี่แนนใช้เวลาว่างทำอาหาร ทำขนม และขายของ นอกจากนี้ยังแบ่งเวลาไปเป็นติวเตอร์ให้น้องๆที่โรงเรียนเก่าเพื่อแนะแนวทางการเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีกด้วย





พี่แนนมีพี่ เต๋อ จากเรื่องกวนมึนโฮเป็นดาราโปรดในดวงใจและยังฝากบอกน้องๆว่าแม้ว่าจะถือว่าเป็นนักศึกษาในสถาบันดังหรือจะศึกษาอยู่ที่ใดก็ตามก็ไม่ควรจะถือตน แต่ควรคิดว่าจะทำอะไรเพื่อสร้างชื่อให้กับสถาบันได้มากกว่า





     สำหรับอีกหนึ่งสาวที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ บรรหาร-แจ่มใส วิทยาลัย 3 ดีกรีนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล นั้นคือพี่อายนั่นเอง พี่อายเติบโตมากจากครอบครัวที่มีคุณเป็นตำรวจจึงค่อนข้างมองโลกแบบคนหัวเก่า แต่ในทางกลับกันพี่อายก็มีความคิดที่ทันสมัยอยู่มาก





แม้จะอยู่ในสถานะนักศึกษาแพทย์ซึ่งถือเป็นคณะที่เรียนหนักมากที่สุดคณะหนึ่งและเมื่อเรียนจบจะต้องทำหน้าที่เป็นแพทย์ หรือ “หมอ” พี่อายกลับไม่รู้สึกกดดันกับภาระอันหนักหนานี้เลย พี่อายคิดว่าขอเพียงเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก็พอแล้ว สำหรับการเรียนแพทย์ อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือ ใจของเราเอง เพราะการเรียนนั้นหนักหนาสาหัสมาก หากใจเราท้อก็จะไปต่อไม่ได้



 การเป็นแพทย์นั้นต้องมีจรรยาบรรณที่ดีและทำงานด้วยใจรักเพราะการเป็นแพทย์ก็ถือเป็นอาชีพที่ต้องช่วยเหลือคนไข้โดยไม่เกี่ยงงอน พี่อายคิดว่าเด็กรุ่นน้องๆนั้นไม่ต่างจากรุ่นของตนเองเลยเพราะเมื่อโตขึ้นก็ย่อมมีความคิดที่กว้างขวางขึ้นเช่นกัน  พี่อายฝากถึงน้องๆที่อยากเรียนแพทย์ หรืออยากเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลว่าควรจะตั้งใจให้มากๆ ทำให้เต็มที่ ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง



 พี่อายเชื่อว่าทุกคนทำได้เพราะคนเราทุกคนมีกำลังกาย กำลังใจที่ดีเหมือนกัน พี่อายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะจบบทสนทนา
  















2 ความคิดเห็น: