เริ่มจากพี่แนน สาวอักษร จุฬาฯ พี่แนนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส วิทยา 3 ด้วยแผนการเรียนวิทย์-คณิต แต่หันมาเอาดีด้านภาษาเพราะใจรักการเรียนภาษามากกว่า
พี่แนนคิดว่าความขี้เกียจคืออุปสรรคที่สำคัญในการเรียน เพราะการเรียนภาษาให้ได้ดีนั้นจะต้องทุ่มเทและตั้งใจศึกษา โดยทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษาคือทักษะการฟัง เพราะการฟังออกย่อมหมายถึงความเข้าใจในการสื่อสารได้ต่อไป
พี่แนนแนะเคล็ดลับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันสูง เช่นจุฬาลงกรณ์นี้ว่าควรจะแบ่งเวลาให้ถูกต้อง แบ่งเวลาให้คุ้มค่า นอกจากเวลาเรียน เวลาปรึกษาหารือกับคนรู้ใจ ( ถ้ามี ^^ ) แล้วยังต้องอย่าลืมแบ่งเวลาให้กับครอบครัวอีกด้วย ช่วงพักปิดเทอมจากการเรียน พี่แนนใช้เวลาว่างทำอาหาร ทำขนม และขายของ นอกจากนี้ยังแบ่งเวลาไปเป็นติวเตอร์ให้น้องๆที่โรงเรียนเก่าเพื่อแนะแนวทางการเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีกด้วย
พี่แนนมีพี่ เต๋อ จากเรื่องกวนมึนโฮเป็นดาราโปรดในดวงใจและยังฝากบอกน้องๆว่าแม้ว่าจะถือว่าเป็นนักศึกษาในสถาบันดังหรือจะศึกษาอยู่ที่ใดก็ตามก็ไม่ควรจะถือตน แต่ควรคิดว่าจะทำอะไรเพื่อสร้างชื่อให้กับสถาบันได้มากกว่า
แม้จะอยู่ในสถานะนักศึกษาแพทย์ซึ่งถือเป็นคณะที่เรียนหนักมากที่สุดคณะหนึ่งและเมื่อเรียนจบจะต้องทำหน้าที่เป็นแพทย์ หรือ “หมอ” พี่อายกลับไม่รู้สึกกดดันกับภาระอันหนักหนานี้เลย พี่อายคิดว่าขอเพียงเรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก็พอแล้ว สำหรับการเรียนแพทย์ อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือ ใจของเราเอง เพราะการเรียนนั้นหนักหนาสาหัสมาก หากใจเราท้อก็จะไปต่อไม่ได้
การเป็นแพทย์นั้นต้องมีจรรยาบรรณที่ดีและทำงานด้วยใจรักเพราะการเป็นแพทย์ก็ถือเป็นอาชีพที่ต้องช่วยเหลือคนไข้โดยไม่เกี่ยงงอน พี่อายคิดว่าเด็กรุ่นน้องๆนั้นไม่ต่างจากรุ่นของตนเองเลยเพราะเมื่อโตขึ้นก็ย่อมมีความคิดที่กว้างขวางขึ้นเช่นกัน พี่อายฝากถึงน้องๆที่อยากเรียนแพทย์ หรืออยากเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลว่าควรจะตั้งใจให้มากๆ ทำให้เต็มที่ ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง
พี่อายเชื่อว่าทุกคนทำได้เพราะคนเราทุกคนมีกำลังกาย กำลังใจที่ดีเหมือนกัน พี่อายยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะจบบทสนทนา
บอกได้คำเดียวว่า ... เยี่ยม!!!
ตอบลบขอบคุณคับ
ตอบลบ