29 ส.ค. 2556

พี่นิ้ง....15 ความจริงเกี่ยวกับเด็กอักษรศาสตร์


15 ความจริงเกี่ยวกับเด็กอักษรศาสตร์

1.) ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเด็กอักษรฯ ซึ่งทุกคนต้องนึกภาพฝันไว้ว่า นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์นั้นจะต้องเป็นเลิศด้านภาษา พูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับกันทุกคน แต่หารู้ไม่ว่ามีเด็กอักษรฯจำนวนมากที่ตกภาษาอังกฤษและเกลียดภาษาอังกฤษเข้าไส้ถึงขั้นไม่ยอมลงทะเบียนเรียน ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับและหากไม่ลงก็จะไม่จบแต่ก็มีคนที่ยอมเรียนไม่จบหรือจบช้าเพียงเพราะไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษมาแล้ว

  2.) เมื่อนึกภาพสาวอักษรฯ หนุ่มๆอาจจะนึกภาพสาวๆหุ่นนางแบบ หน้าคม ผมเป๊ะ สวยปิ๊งที่มีแฟนคุมกันทุกคน ทว่าความเป็นจริงแล้ว สาวๆเหล่านั้นมีอยู่จริงในคณะไม่เท่าไหร่ เพราะประชากรส่วนใหญ่ของคณะอักษรศาสตร์นั้นก็เป็นนักศึกษาธรรมดาๆที่ไม่ได้สวยเลิศและไม่มีใครจีบอีกต่างหาก จะจีบกันเองก็ยากเพราะผู้ชายอักษรชอบเด็ก ครั้นจะจีบหนุ่มต่างคณะก็ยากเพราะเค้าก็คบกันเองทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้สาวอักษรจึงมีจำนวนคนโสดเยอะ…มาก

3.) เชื่อหรือไม่ คณะอักษรศาสตร์ยุคแรกๆ มีวิชาเอกที่ชื่อว่า เอกคณิตศาสตร์
4.) วิชาเอกในฝันของนักศึกษาอักษรฯของแทบทุกคนในตอนแรกที่เข้ามาเรียนคือ
วิชาเอกภาษาอังกฤษ แต่เมื่อเรียนไปเรื่อยๆ หากรุ่นพี่ถามอีกครั้ง จะมีคนตอบคำตอบเดียวกันน้อยลงเรื่อยๆ จนเมื่อถึงเวลาเข้าเอกตอนปีสองเทอมสอง จะเหลือเด็กที่เรียนเอกภาษาอังกฤษกันจริงๆแค่ไม่ถึง
 50 คนเท่านั้น
5.) ภาควิชาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่ชายแท้แห่งอักษรคือ ภาคภูมิศาสตร์ เพราะเป็นภาควิชาที่ดู “แมน” ที่สุดแล้ว
  6.) คณะอักษรศาสตร์เป็นคณะที่มีจำนวนนักศึกษาชายเรียนน้อยมาก หากคิดเป็นสัดส่วนผู้ชายต่อผู้หญิงแล้ว จัดได้ว่ามีจำนวนเป็น 1:10 เลยทีเดียว ดังนั้น จึงไม่แปลกหากจะบอกว่าผู้ชายอักษรฯค่อนข้างที่จะเจ้าชู้ไม่แพ้ผู้ชายคณะไหน เผลอๆอาจจะโชคดีกว่าด้วยซ้ำเพราะมีผู้หญิงให้เลือกไม่ซ้ำหน้า
7.) นอกจากจำนวนผู้ชายในคณะอักษรฯที่มีอยู่น้อยมากอยู่แล้ว หลายๆคนในกลุ่มนี้ที่ไม่ใช่ชายแท้มักจะหน้าตาดีเสียส่วนใหญ่ ทำให้สาวๆโอดครวญกันถ้วนหน้าเพราะหนุ่มหน้าเกาหลีที่เห็นวันเปิดเรียนภายหลังกลายเป็นสาวน้อยนุ่งกระโปรงทรงสอบในวันหลัง
8.) คณะอักษรศาสตร์มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Arts” ซึ่งนอกจากจะ อาร์ต หรือ “ติสต์” แล้ว ยังเป็นคณะเดียวในมหาวิทยาลัย นอกเหนือจากคณะจิตรกรรม หรือ สถาปัตย์ ฯลฯ ที่สามารถแต่งชุดไปรเวทมาเรียนหรือสอบกลางภาคได้แบบ “ไม่แคร์สื่อ”
9.) รู้หรือไม่ คณะอักษรศาสตร์ไม่มีการว้าก เพราะอาจารย์ในคณะไม่เห็นด้วยกับระบบว้าก
 แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังมีการแอบว้ากลับๆ ของนักศึกษาชายและนักศึกษาเพศที่สามแบบเฉพาะกิจอยู่
10.) ชาวอักษรฯมีคำศัพท์ที่ใช้เรียกเพื่อนๆ น้องๆเพศที่สามอย่างน่ารักน่าชังว่า “นะจ๊ะ” ฉะนั้นหากมาศิลปากรแล้วได้ยินคำนี้ก็ไม่ต้องงงถ้ามีคนเดินมาทักว่าเป็นนะจ๊ะหรือเปล่านะจ๊ะ
11.) เพลงประจำมหาวิทยาลัยศิลปากรคือเพลง “Santa Lucia” ซึ่งเป็นเพลงภาษาอิตาเลียน เพราะผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเป็นศาสตราจารย์ชาวอิตาเลียนนาม ศาสตราจารย์คอราโด เฟโรจี
(ศิลป์ พีระศรี) อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีภาควิชาภาษาอิตาเลียนที่เปิดให้เรียนกันที่คณะอักษรศาสตร์ แต่มีเปิดที่คณะโบราณคดีแทน
12.) เพลง “กลิ่นจันทร์” ซึ่งเป็นเพลงที่นิยมร้องกันในมหาวิทยาลัยนั้นมีที่มาจากคณะอักษรศาสตร์ผู้ประพันธ์ก็คือ คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ที่คณะอักษรศาสตร์นี่เอง หากยังไม่คุ้นชื่อ หากได้ยินชื่อ ว.วินิจฉัยกุล หรือ แก้วเก้า ก็อาจจะถึงบางอ้อ เพราะท่านเป็นนักเขียนคนดังแห่งวงการน้ำหมึกของไทยท่านหนึ่ง
13.) รู้หรือไม่ นวนิยายเรื่อง “น้ำใสใจจริง” นั้นผู้ประพันธ์เป็นอดีตอาจารย์ที่คณะอักษรฯ ใช้โครงเรื่องจากลักษณะนิสัยของเด็กในคณะ สถานที่ในคณะอักษรศาสตร์ แม้กระทั่งฉบับภาพยนตร์ก็เป็นคณะอักษรฯที่นี่เช่นกัน
14.) คณะอักษรฯยุคแรกๆนั้นมีชายผ้าเหลือเดินให้ว่อน … เพราะพระภิกษุ สามเณรในยุคนั้นนิยมมาเรียนที่คณะอักษรศาสตร์เป็นจำนวนพอสมควรเลยทีเดียว จึงไม่แปลกสำหรับคนในสมัยนั้นที่จะนั่งเรียนกับพระ และมีเพื่อนที่เรียกคนอื่น “โยม” แทน “เธอ”
15.) ภาควิชาที่ขึ้นชื่อว่าเข้มมากที่สุดภาคหนึ่งในคณะอักษรฯคือภาคภาษาญี่ปุ่น ส่วนภาคที่ขึ้นชื่อว่าแข็งที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือภาคฝรั่งเศส แต่หากถูกถาม ทุกคนจะร้อง ว้าว! หากคุณตอบว่าอยู่ภาคภาษาอังกฤษ


บทความ พี่นิ้ง....อักษรศาสตร์ ศิลปกร

1 ความคิดเห็น:

  1. บทความนี้ทำให้รุ้ว่า เด็กอักษร เป็นยังไงกันบ้างทำให้ได้รุ้ในส่วนที่ขาดไม่ถึงเลยก็มี อย่างเช่นมีวิชาเอกคือเลขนี่ตกใจเลย555

    ตอบลบ