10 ความจริงเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่คุณอาจจะไม่เคยรู้

1.) เชื่อหรือไม่ นักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปประเทศที่พูดภาษาที่สาม (ภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่สองของชาวไทย) หรือแม้กระทั่งนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไป

สัมภาษณ์ชีวิตสุขสันต์ของนักศึกษาสาวจากสองสถาบันดัง…พี่แนนพี่อาย

วันนี้ทีมงาน MORPAMAHALAI ได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์ชีวิตแบบมันส์ๆแต่มีสาระของสองสาวคู่ซี้ จากสองสถาบันกันคะ.

8 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับเด็ก การท่องเที่ยว

กลายเป็นสาขาที่มาแรงแซงทุกทางโค้งสำหรับสาขา อุตสหกรรมการท่องเที่ยว แต่หลายคนอาจไม่รู้หรือเข้าใจเกี่ยวสาขานี้ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

15 ความจริงเกี่ยวกับเด็กอักษรศาสตร์

1.) ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเด็กอักษรฯ ซึ่งทุกคนต้องนึกภาพฝันไว้ว่า นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์นั้นจะต้องเป็นเลิศด้านภาษา พูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับกันทุกคน แต่หารู้ไม่ว่า

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เด็กมัธยม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เด็กมัธยม แสดงบทความทั้งหมด

3 ส.ค. 2557

ปัญหาหนักอกของเด็กมัธยมที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้


        ปัญหาหนักอกของเด็กมัธยมที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้ เมื่อลูกน้อยเติบโตขึ้น ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มต้นชีวิตในโลกที่กว้างขึ้น ได้รู้จักกับสิ่งแปลกใหม่ ได้สัมผัสกับประสบการณ์และความน่าสนใจใหม่ๆ ที่ดูจะห่างไกลจากสายตาของพ่อแม่มากขึ้นทุกที และแม้ว่าการเรียนของเด็กมัธยมจะทำให้พ่อแม่อุ่นใจได้บ้างว่าลูกของตัวเองยังไปโรงเรียน แต่ทว่าก็ยังมีปัญหาหนักอกให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายรู้สึกเป็นกังวลกับความลับบางอย่างของเด็กที่พ่อแม่ไม่รู้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะช่วงวัยที่แตกต่างกันทำให้พ่อแม่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของเด็ก และไม่ค่อยรู้จักกับสังคมของพวกเขาเท่าใดนัก 
       
        โดยทั่วไปแล้วธรรมชาติของเด็กที่เริ่มเติบโตเป็นวัยรุ่นมักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านนิสัย และความคิดมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเด็กอยู่ในโอวาทต่อหน้าพ่อแม่ แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนอาจจะกลายเป็นคนละคนขึ้นมา เริ่มมีความก้าวร้าว ชอบท้าทายครูบาอาจารย์ ต้องการโดดเด่นในสังคม พยายามทำตัวให้ตัวเองดูมีค่าในสายตาของคนรอบข้าง และต้องการการยอมรับ ซึ่งเด็กทั่วไปที่มีการอบรมมาดีก็อาจจะไม่ค่อยแสดงออกพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังให้ความสำคัญกับหมู่เพื่อนมากกว่าการเรียน
ซึ่งในช่วงนี้พ่อแม่จะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกว่ามีผลการเรียนและสังคมของพวกเขาเป็นอย่างไร 

        หากเด็กเริ่มมีความก้าวร้าวหรือผลการเรียนตกต่ำ ก็ต้องพยายามอบรมและคอยเป็นเพื่อนให้กับพวกเขา ให้เด็กรู้สึกได้ถึงความสบายใจ ทำให้เด็กกล้าที่จะปรึกษาปัญหาหรือบอกกล่าวความรู้สึกต่างๆ ได้อย่างไม่อึดอัด นอกจากนั้นแล้วปัญหาที่พ่อแม่เป็นกังวลมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเพศตรงข้าม การที่เด็กมีแฟนในวัยเรียน อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเรียน และเสี่ยงต่อการท้องในวัยเรียน จนทำให้เสียอนาคต เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่พ่อแม่จะต้องส่งเสริมให้ลูกที่อยู่ในวัยของ เด็กมัธยม สามารถยอมรับในเรื่องนี้และพยายามทำให้เด็กเห็นว่าเรื่องของเพศเป็นสิ่งที่ธรรมดาทั่วไป สามารถเปิดเผยและพูดคุยได้ จะช่วยให้เด็กไม่พยายามปิดบัง และรู้สึกไม่อายเมื่อต้องคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ 


        ปัญหาเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องไม่ใหญ่โตเท่าใดนัก แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่แก้ปัญหา ก็อาจจะทำให้พฤติกรรมของเด็กรุนแรงจนกระทบต่ออนาคตการเรียนและการดำเนินชีวิตเพิ่มมากขึ้นได้ ดังนั้นการเริ่มต้นอบรมสั่งสอนเด็กอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเป็นเกราะป้องกันสิ่งแวดล้อมอันไม่เหมาะสมในสังคมให้กับพวกเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

29 ก.ค. 2557

เคล็ดลับวิธีอ่านหนังสือเรียนให้จำแม่น

เคล็ดลับวิธีอ่านหนังสือเรียนให้จำแม่น  

               
                   การอ่านหนังสือเรียนนั้นเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเด็กตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงชั้นมหาวิทยาลัย และแน่นอนว่าทุกคนก็จะต้องประสบกับปัญหาความกังวลใจในระหว่างที่จำเป็นต้อง อ่านหนังสือเรียน เพื่อเตรียมตัวในการ ทำข้อสอบ หลายคนพยายามตั้งใจอ่านหนังสืออย่างจริงจัง แต่กลับไม่สามารถทำข้อสอบได้ดี หรือบางคนก็พยายามหา เคล็ดลับต่างๆ ในการจำ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความจำดีขึ้นได้ แถมยังทำให้สิ่งที่อ่านผ่านไปแล้วไม่เข้าหัว จนกลายเป็นความเครียด และคะแนนสอบที่ต่ำกว่าความคาดหวัง นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่รู้เคล็ดของการอ่านหนังสือเพื่อให้เกิดการจดจำ ดังนั้นคำแนะนำต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ จำเป็นจะต้องศึกษาเอาไว้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้เป็นเทคนิคของการอ่านให้สามารถจดจำได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

                   1.พยายามหาคอยสังเกตตัวเองว่าช่วงเวลาไหนที่เราจะมีสมาธิจดจ่อกับการอ่านมากที่สุด ซึ่งเด็กแต่ละคนก็จะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป บางคนเป็นช่วงเช้า หรือบางคนเป็นช่วงดึก ก็ให้เราตั้งใจอ่านหนังสือในช่วงนั้นๆ ให้มากขึ้น

                   2.ขณะอ่านหนังสือต้องพยายามตั้งใจอย่างแน่วแน่ พุ่งจุดสนใจมาที่ตำราเรียนเพียงอย่างเดียว จดจ่ออยู่กับมันสักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วจึงค่อยผ่อนคลายตัวเองสักพักแล้วกลับไปอ่านต่อ

                   3.หลังจากอ่านได้สักย่อหน้าหนึ่งแล้ว ให้เราลองปิดหนังสือและลองทบทวนสิ่งที่อ่านไปตามความเข้าใจของตัวเอง อาจจะลองพูดปากเปล่า หรือเขียนเป็นคำสั้นๆ ลงไปในกระดาษด้วยก็ได้

                   เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้การอ่านหนังสือเรียนของเรามีความแม่นยำมากขึ้น และช่วยให้สมองของเราสามรถจดจำสิ่งต่างๆ ในหนังสือเรียนได้ดีกว่าการอ่านผ่านๆ อย่างไม่มีเป้าหมายอีกด้วย

25 ก.ค. 2557

เรียนไปทำงานไปอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

เรียนไปทำงานไปอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
            สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กมัธยมหรือเด็กมหาลัย ก็ตามที อาจจะอยากออกไปทำงานหาเงินเพิ่มเติมมากขึ้นเพื่อเอามาไว้ใช้เป็นทุนการศึกษาหรือซื้อของที่ตัวเองอยากได้ โดยไม่ต้องการให้พ่อแม่ต้องลำบากแล้วละก็ อาจจะกลัวว่าการทำงานจะส่งผลกระทบต่อการเรียนให้ย่ำแย่ เรียนไม่จบ ซ้ำชั้น หรือแม้กระทั่งผลสอบที่ออกมาอย่างไม่น่าพอใจ แต่เพื่อนๆ ทราบหรือไม่คะว่า การเรียนไปทำงานไปนั้นสามารถทำได้ไปพร้อมๆ กัน เพียงแค่รู้จักเคล็ดลับจัดระเบียบเวลาของตนเองให้ดีขึ้นดังคำแนะนำต่อไปนี้
รู้จักการแบ่งเวลาอย่างมีวินัย
เมื่อต้องเรียนและทำงานไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรู้จักแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีวินัยในตัวเอง เมื่อถึงเวลาเรียนก็ต้องเรียนอย่างจริงจัง และต้องหาเวลา เรียนพิเศษบ้าง เวลาทำการบ้านก็ทำอย่างเต็มที่จนเสร็จโดยไม่วอกแวกไปไหน เมื่อถึงเวลางานก็จะได้ทำงานโดยไม่ต้องมาห่วงกังวลเรื่องการเรียน
รู้จักโฟกัสบทเรียน
การเรียนที่ดีและได้ผลนั้นไม่ใช่การนั่งท่องตำราเล่มหนาๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าการเรียนรู้ที่ดี เราจะต้องรู้จักโฟกัสไปที่เนื้อหาสำคัญของเรื่อง เรียนรู้ให้เข้าใจไม่ใช่แค่การจำตัวหนังสือ ก็จะช่วยให้เราย่นย่อเวลาของการเรียนให้น้อยลง แถมยังได้ความรู้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนเวลาที่เหลือก็สามารถเอาไปพักผ่อนหรือทำงานเพิ่มเติมต่อไปนั่นเอง
รู้จักการออมเงิน

เงินที่ได้มาระหว่างการเรียนไปทำงานไปนั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อย เพื่อนๆ จึงควรตระหนักว่าเงินที่ได้มานั้นไม่ควรเอาไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่จะต้องรู้จักใช้อย่างคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป เงินบางส่วนก็ควรนำเอามาไว้ใช้ในการออม เพื่อความมั่นคงในอนาคตของตัวเราเอง เอาไว้ เรียนต่อในอนาคต เพื่อจะได้เป็น นักเรียนแลกเปลี่ยน กับเค้าบ้างนะจ๊ะ

24 ก.ค. 2557

3 ความเชื่อที่เราเข้าใจผิดกับการเรียนพิเศษ

3 ความเชื่อที่เราเข้าใจผิดกับการ เรียนพิเศษ
          เมื่อการเตรียมพร้อมของเหล่าเด็กมัธยม ที่กำลังจะเติบโตขึ้นเข้าสู่การเป็นเด็กมหาลัย ทำหลายๆ คนอาจจะต้องประสบกับภาวะความเครียด ความกดดัน และความไม่เชื่อมั่นในตัวเองต่างๆ นาๆ ที่เข้ามารุมเร้า และหนึ่งในกระแสนิยมที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจว่าเหล่าเด็กมัธยมจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีเชื่อเสียง และได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆ ได้นั้น ก็คือการเรียนพิเศษที่เด็กและผู้ปกครองส่วนมากมีความเชื่ออย่างผิดๆ ว่าการเรียนพิเศษจะช่วยให้เด็กมีความสามารถและได้รับโอกาสในการเรียนที่ดีๆ ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเรามาดูกันเลยคะว่า ความเชื่อผิดๆ ที่เราต่างหลงงมงายกับการเรียนพิเศษกันมานาน มีเรื่องอะไรบ้าง

1.คิดว่าการไม่ เรียนพิเศษ คือการเสียเปรียบ
หลายคนที่เรียนในห้อเรียนเพียงอย่างเดียว อาจจะเชื่อว่าตนเองไม่เก่งเท่ากับคนที่เรียนพิเศษ จึงพยายามขวนขวายหาวิธีให้ตัวเองได้ไปเรียนบ้าง เพราะกว่าจะเสียเปรียบขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงแล้วหากเราเรียนอยู่ที่ไหนก็ตามแล้วไม่ขวนขวายต่อยอดการเรียนรู้แล้วละก็ ยังไงเสียการเรียนพิเศษก็คงไม่มีความหมายอะไรเช่นกัน

2.เชื่อว่าการ เรียนพิเศษ ต้องเรียนกับสถาบันดังๆ
การเรียนในสถาบันดังๆ มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่วัดผลว่าเราจะเก่งเสมอไปไม่ เพราะหากอาจารย์ที่สอนนั้นไม่สามารถอธิบายให้เราเข้าใจ หรือเราอาจจะมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน จะดีเสียกว่าถ้าเราได้เรียนกับอาจารย์สักคนที่สอนให้เราเข้าใจบทเรียนอย่างถ่องแท้ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่อาจารย์ที่ชื่อเสียงเสมอไป

3.สถาบันที่ดีต้องมีราคาแพง
ความเชื่อนี้เป็นความผิดอย่างมหันต์ เพราะเด็กๆ ทราบหรือไม่คะว่า การเรียนในสถาบันเรียนพิเศษก็คือการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ดังนั้นการที่มีคอร์สแพงก็คือหลักทางการตลาด ที่อาจจะมีเนื้อหาไม่ได้ต่างไปจากคอร์สราคาถูกๆ ในสถานที่เล็กลงมาเลยก็ได้
ดังนั้นแล้วหากเด็กๆ คนไหนที่คิดกำลังจะไปเรียนแล้วละก็ ควรทบทวนให้ดีเสียก่อนว่าสถานบันนั้นๆ เหมาะสม และคุ้มค่ามากพอที่เราต้องจ่ายเงินเพื่อการเรียนเพิ่มเติมเหล่านั้นหรือไม่

13 พ.ค. 2557

สัมภาษณ์น้องชะเอมจากเด็กมัธยม ที่ทั้งเก่งทั้งน่ารัก สู่การนักศึกษาไทยในญี่ปุ่น

น้องชะเอม
วันนี้ทางMorpa mahalai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์น้องชะเอมเด็กมัธยม ที่ทั้งเก่งทั้งน่ารักที่พร้อมจะก้าวสู่ฝันในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย แต่ที่พิเศษคือเธอไม่ได้จะก้าวมาเป็นเด็กมหาลัยในไทย แต่เธอเตรียมใจไปโกอินเตอร์ถึงญี่ปุ่น ด้วยการฝ่าฟันชิงทุนรัฐบาลจนได้ไป  จากเด็กโรงเรียนรัฐบาลต่างจังหวัด สู่โตเกียวญี่ปุ่นเธอทำอย่างไร และเตรียมตัว อย่างไร เรียนพิเศษที่ไหน มารู้จักเธอกันเลยดีกว่า

28 ต.ค. 2556

ความจริง 7 ประการของเด็กเรียนพิเศษที่คุณก็อาจรู้

ความจริง 7 ประการของเด็กเรียนพิเศษที่คุณก็อาจรู้

ความจริงข้อที่ 1. ร้อยละ 80 ของนักเรียนที่เรียนพิเศษตัดสินใจเลือกสถานที่เรียนโดยอิงเพื่อนเป็นหลักแบบว่า แกเรียนไหนฉันเรียนนั่น

ร้อยละ 10 เลือกเรียนตามความดังสถาบัน แล้วมักจะชวนอีก 80% มาเรียนที่เดียวกับตน เช่นเดียวกับ 10%ที่เหลือที่เลือกตามที่พ่อแม่บังคับ ยัดเยียด ก็มักจะชวนอีพวก 80% นี้เช่นกัน


ความจริงข้อที่ 2. การเลือกลงวิชาเรียนพิเศษนั้นอาจไม่ได้ลงเพราะเรียนอ่อนเสมอไป ส่วนหนึ่งเรียนเพราะเพื่อน เคยมีเหมือนกันที่ลงเรียนเพื่อจะได้อยู่ห้องเดียวกับหนุ่มในฝัน

ความจริงข้อที่ 3. การเรียนพิเศษก็อาจไม่ได้ทำให้เราเรียนเก่งขึ้น บ่อยครั้งที่ทำให้ยิ่งสับสน งง จึงมีคำพูดปล่อยไก่บ่อยๆว่า "สอนเรื่องเดียวกันใช่ไหมเนี้ย"

ความจริงข้อที่ 4. การเรียนพิเศษไม่ได้เคร่งขรึมเสมอไปบ้างที่อาจารย์สอนสนุกจนลืมตัวว่าหมดเวลาแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแบบที่ว่า ดูนาฬิกาแล้วดูอีก พร้อมพูดในใจว่า "เบรกสักทีเหอะ ไม่ไหวแว้ว"

ความจริงข้อที่ 5. การแต่งตัวเป็นปัญหามากในตอนเช้า เพราะกว่าจะเลือกชุดใส่กันออกมานี่เป็นเรื่องอยู่บ่อยครั้งที่เดียวเพราะถ้าเรียนในวันธรรมดาหลังเลิกเรียนก็ไม่เป็นปัญหาเพราะชุดนักเรียนยืนพื้น ทุนมาเท่าๆกัน แต่การเรียนพิเศษในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยิ่งซัมเมอร์ยิ่งไม่ต้องพูด มันคือการเจอกันในชุดไปรเวท  บางที่บางกลุ่มใส่มาอวดยิ่งกว่าแคทวอล์ก ใส่มา*-*เรียกว่าจัดเต็ม (แนะนำแถวช้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า จัดว่าเด็ดคร้า)

ความจริงข้อที่ 6. ในห้องเรียนที่เรียนพิเศษต้องมีสาวแว่น หนุ่มแว่นอย่างน้อย 1 คน เสมอ

ความจริงข้อที่ 7. การเรียนพิเศษถือเป็นการใช้เวลาว่างที่มีประโยชน์มากที่สุดอย่างหนึ่งและไม่ได้แค่ความรู้อย่างเดียว ยังมีหลายๆอย่างที่เป็นผลดีตามมาด้วย เพื่อนๆล่ะคะได้อะไรบ้างนอกจากความรู้

2 ก.ย. 2556

พี่นิ้ง...10 ความจริงเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่คุณอาจจะไม่เคยรู้


10 ความจริงเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่คุณอาจจะไม่เคยรู้
1.) เชื่อหรือไม่ นักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปประเทศที่พูดภาษาที่สาม (ภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่สองของชาวไทย) หรือแม้กระทั่งนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปประเทศมหาอำนาจที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างสหรัฐอเมริกา ก็อาจไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษทุกคน บางคนนั้นใช้ชีวิตรอดในสหรัฐมาโดยที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ด้วยซ้ำและยังสอบตกภาษาอังกฤษ แต่ก็น่าซูฮกให้คนกลุ่มนี้ที่สามารถเอาตัวรอดได้เก่ง…จริงๆ

29 ส.ค. 2556

พี่นิ้ง....15 ความจริงเกี่ยวกับเด็กอักษรศาสตร์


15 ความจริงเกี่ยวกับเด็กอักษรศาสตร์

1.) ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเด็กอักษรฯ ซึ่งทุกคนต้องนึกภาพฝันไว้ว่า นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์นั้นจะต้องเป็นเลิศด้านภาษา พูดภาษาอังกฤษน้ำไหลไฟดับกันทุกคน แต่หารู้ไม่ว่ามีเด็กอักษรฯจำนวนมากที่ตกภาษาอังกฤษและเกลียดภาษาอังกฤษเข้าไส้ถึงขั้นไม่ยอมลงทะเบียนเรียน ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับและหากไม่ลงก็จะไม่จบแต่ก็มีคนที่ยอมเรียนไม่จบหรือจบช้าเพียงเพราะไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษมาแล้ว

17 ก.พ. 2556

6 เรื่องที่ไม่จริงของเด็ก ICT

6 เรื่องที่ไม่จริงของเด็ก ICT

 วันนี้พี่มีนได้มีโอกาสเก็บข้อมูลจากเด็กมหาลัย ไอซีที ม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง เลยเอามาเล่าสู้กันฟังคะ ^____^
 ก่อนอื่นเลยมักมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาขานี้มากพอสมควรเลยคะ ซึ่งเท่าที่แหล่งข่าวพอจะนึกออกก็มีประมาณ 6 ข้อคะ น้องๆเด็กมัธยมลองอ่านดูนะจ๊ะ



1. เด็กไอซีทีไม่ใช่ว่าทุกคนจะซ่อม/ประกอบคอมเป็นนะคะ พวกเขามีความเข้าใจในตัวโปรแกรมเป็นอย่างดีแต่ฮาร์ดแวร์เป็นเรื่องนอกเหนือจากนั่น

2. หลายคนคิดว่าภาษา C เป็นภาษายากที่สุดสำหรับเด็กไอซีที แต่เด็กไอซีทีหลายคนผ่านภาษา C แต่ตกภาษาอังกฤษ T_T  ต้อง เรียนพิเศษ กันเลยทีเดียว

3. ไม่ใช่ว่าเด็ก ไอซีที จะเป็นเด็กเนิร์ด วันๆอยู่แต่กับคอม ผิดถนัดคะ พวกเขารักธรรมชาติ กิจกรรมกลางแจ้ง และการท่องเที่ยวมากกว่าที่คุณคิด (ลองคิดดูว่าจะเบื่อคอมขนาดไหนถ้าต้องอยู่กับมันวันละ 6 ชม. เป็นอย่างน้อย)

4. เด็กไอซีทีก็ กด Ctrl+Alt+Delete เวลาโปรแกรมมันค้างเหมือนเราๆแหละคะ (มีหลายคนคิดว่ามีขั้นเทพมากกว่านี้ หรือ อ้าว! กดเหมือนกันเหรอ) หนักกว่านี้ ชักปลั๊กเลยก็มี (ก็มันน่าหงุดหงิดนี่)

5. เด็กไอซีทีก็ร้องเพลงเพราะนะ เก่งกิจกรรม เก่งกีฬา และเก่งในหลายๆทางมากกว่าการกระหน่ำ คีบร์อด

6. เด็กไอซีทีไม่ใช่เด็กที่ถนัดเล่นแต่เกมส์คอม บ่อยครั้งไปที่เด็กไอซีที นั่งเล่นเกมส์กระดานอย่างเกมส์เศรษฐี หรือหมากฮอท หมากรุกกระดาน หรือแม้แต่หมากเก็บ

30 ม.ค. 2556

คณะที่ฝัน...หรือคณะที่ใช่........พี่มีน



เมื่อวานพี่มีนก็ออกล่าเหยื่อ เอ๊ยออกแนะแนวตามโรงเรียนต่างๆเช่นเคยเลยเอามาเล่าให้น้องๆใน morpamahalai ได้อ่านกัน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญของเด็กม.6ที่กำลังจะADเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว
แต่อย่ากระนั่นเลยอันที่จริงบทความนี้เหมาะกับน้องๆ ม.4 ม.5 มากกว่า
เพราะบทความนี้เป็นการวางแผนเอาว่าตัวน้องเองจะเลือกเดินทางสายไหนๆ โดยการเลือกที่ใช่หรือเลือกที่ชอบ
พูดแบบนี้เหมือนกับเลือกแฟนเลยที่เดียว แต่มันก็อาจใช้หลักการเดียวกัน คือ...
-ถ้าเลือกที่ชอบแต่มันไม่ใช่ .....................................................เท่ากับ ทนอยู่
-ถ้าเลือกที่ใช่แต่มันไม่ชอบ .....................................................เท่ากับ อยู่ทน
-แต่ถ้ามันไม่ใช่เราและเราไม่ชอบ(พ่อแม่ชอบ) .......................เท่ากับ จำต้องอยู่ให้ทน
-แต่ถ้ามันมันใช่และเราชอบ ....................................................เท่ากับ สุขใจ

ทำอย่างไรจะรู้ได้ว่าเราชอบอะไร

เรารู้เรื่องที่เราชอบจริงๆนั้นมันยากเพราะมันขึ้นอยู่กับเรา 70 %แล้วอีก 30%น้องๆต้องลองศึกษาอย่างจริงจังเพราะตอนเรามี 70 อยู่ในใจเรามองมันผ่านๆ อีก 30 ลองเข้าไปดูในคณะนั้นเอกนั้นและถ้าทำได้ศึกษาในสายงาน/อาชีพนั้นจริงๆแล้วค่อยตัดสินใจว่าชอบมันจริงๆไหมเพราะหลายคน "ตกม้า" ในปีหนึ่งเทอม 2 ลักษณะนี้มาเยอะแล้ว เช่นคิดว่าตัวเองชอบการโรงแรมแต่พอเรียนไปสักเทอมอ้าวไม่ชอบภาษา(กำเลย) หรือ "อ้าวเรียน คหกรรมมีเรียนเคมี ด้วยเหรอ?"
และอีกประการลองศึกษาดูหลายๆคณะ อาจมีบางคณะที่เราอาจชอบมากกว่าที่ชอบอยู่ตอนนี้ก็ได้และตรงนี้ดีกว่าเลือกแฟนเพราะไม่ถือว่านอกใจ ^___^ อิอิ

ทำอย่างไรจะรู้ได้ว่าเราใช่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บอกได้ยากมากแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้เลยแต่อาจจะหาโอกาสได้น้อยหน่อยคือหลังจากศึกษามาอย่างดีแล้วน้องๆลองเรียนรู้งานในสายอาชีพนั้นๆ เช่นอยากเรียนและคิดว่าชอบท่องเที่ยวปีหน้าจะAd ไปท่องเที่ยวแหละ ลองไปชิมลางในงานสายท่องเที่ยวดูเช่นไป ทำงานพิเศษในบริษัททัวร์ดู แต่เข้าใจอยู่ว่าในบางสายงานทำไม่ได้ ก็ให้ไปลองสอบถามจากผู้ประกอบสัมมาอาชีพนั้นๆเอาคะว่าเป็นอย่างไงทำงานอย่างไร หนักหนาสาหัาสากันขนาดไหน และก็ลองสอบถามจากพี่ๆที่กำลังศึกษาอยู่ เรียนยังไง โดดเรียนตอนไหนได้บ้าง แอบเล่นเฟสได้ไหม(ฮา)


ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่มีน ว่าการมีข้อมูลอยู่ในมือทำให้เราได้เปรียบมากคะ ไม่ใช่รู้แต่ผิวๆ เช่น ชุดท่องเที่ยวการโรงแรมสวยดีน่าจะเรียนง่ายด้วยเอาล่ะนะ แล้วเข้าไปเรียน ผลออกมาคือเสียเวลาไปหนึ่งปีก็มีมาแล้ว
หรือต่อให้เรียนจบมา โห่งานหนักง่ะ ไปเป็นชาวเกาะ(พ่อแม่)ดีกว่า ก็มีมาให้เราเห็นกันมาแล้ว เพราะฉนั้นต้องสติกันดีๆนะคะ ศึกษาข้อมูลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สนใจแนวทางการศึกษาต่อสอบถามได้นะคะ พี่มีนยินดีเสมอ


morpamahalai.blogspot.com

การบ้าน......ทำไมมันส์อย่างนี้

การบ้าน..........................ทำไมมันส์อย่างนี้
บัวเพิ่งได้จัดทำวิจัย "การบ้าน" สิ่งที่คอยหลอกหลอนพวกเราทุกเย็นและหลอนเราหนักขึ้นในตอนเช้าหากเมื่อเย็นวานไม่ได้จัดการมัน

- การบ้านมักเป็นสิ่งที่ทำให้เราหาข้ออ้างอะไรๆที่จะยังไม่ลงมือทำมันได้เสมอ
- การบ้านเป็นสิ่งไม่แน่นอนมีบ้างไม่มีบ้าง
- การบ้านเป็นสิ่งที่ทำให้ละครที่เราชอบน่าดูขึ้นไปอีก
- การบ้านเป็นข้ออ้างที่ดีเวลาโดนแม่ใช้
- การบ้านเป็นสัจจะธรรม "ไม่ทำโดนตี"
- การบ้านบางที่ก็แก้เซ็งแก้เหงาได้
- การบ้านบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องทำที่บ้าน
- การบ้านบางครั้งก็ทำที่โรงเรียนตอนเช้าก็ได้แต่ไม่แนะนำ เพราะมืออาจหงิกจากการเขียน50คำต่อนาทีในภาวะกดดันได้
- การบ้านจะอยู่ในเงื่อนไขข้อตกลงร่วมกันกับเพื่อนได้(ช่วยกันทำ แกข้อนั้น ฉันข้อนี้)
- แต่การบ้านบ้างครั้งก็เป็นในภาวะของการร่วมทำบุญและการขอส่วนบุญ(ลอกหน่อยสิ)
- การบ้านคือเวลา 60%ในช่วงเย็นของเราอิอิ
- การบ้านเป็นข้ออ้างในการเล่นเน็ต แล้วเปิด morpamahalai มาอ่านบทความของบัวตอง 55+

26 ม.ค. 2556

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง(?)


กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง(?) หลังจากที่ห่างหายไปนานตอนนี้พี่ต้ากลับมาพร้อมด้วยบรรดานักเขียนหน้าเก่า พี่นิ้ง พี่มีน พี่ต้าและเติมสีสันด้วยนักเขียนหน้าใหม่สดใสปิ้งๆ น้องบัวตอง พี่สมาร์ท ที่จะมาสร้างสีสันให้สังคม มัธยม พาณิชย์ มหาลัย สนุกสนานกว่าเดิม อย่าลืมติดตามด้วยนะครับ


วันเสาร์เหงาไม่เจอเพื่อน ...บัวตอง

ตื่นเช้ามาแล้วมันแบบว่าวันเสาร์เหงาไม่เจอเพื่อน ...บัวตอง

วันนี้บัวตื่นขึ้นมาเกิดอาการเหงาๆๆ ตามสไตล์สาวน้อย เด็กมัธยม เพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ได้เจอหมู่คิดปานใด เฮ้ยๆๆ ไม่ได้เจอเพื่อน คิดถึงขนาดไหน (เดียวเค้ารู้หมดว่าคนที่ไหน) อยากเจอเพื่อนก็อยากเจอ แต่อยากอยู่บ้านไม่ต้องไปเรียนก็อยาก เห้อๆๆๆ เอาไงดีนะ ทุกคนละคะว่าไงกัน เด็กมัธยม ซมซาน
เคยไหมคะที่พอวันจันทร์ก็อยากเร่งให้ถึงวันศุกร์และเลยไปวันเสาร์ แต่พอวันเสาร์ตื่นเช้าขึ้นมาเหงาซะงั้น

เฮ้อไม่ได้ไปเที่ยวไหน ไม่ได้ทำไร แต่อย่ากระนั้นเลยวันเสาร์ก็มีดีเหมือนกัน

---นอนตื่นสายได้ (เว้นแต่เมื่อมาลาก)
---อาบน้ำตอนสายๆๆได้เช้าหนาวเกิ๊น
---กินข้าวที่บ้านแบบไม่ต้องรีบ(ทุกวันต้องรีบไม่งั้นก็ไม่ได้กิน)
---ใส่ชุดนอนได้ทั้งวัน
---นอนได้ตลอดเวลา
---ดูทีวีได้ตลอด
---ออนเฟสได้ทั้งวัน
---การบ้านเราก็ไม่ต้องเร่งทำเพราะยังมีวันอาทิตย์
---นอนดึกก็ได้มีไรป่ะ
---ไม่ต้องเรียน(อันนี้สำคัญ) แฮ่ๆๆ เดี่ยวไม่ได้เป็น เด็กมหาลัย นะ


แต่ข้อพึ่งระวัง อาจโดนแม่ตีเน้อ

รับจ้างเป็นนักเขียนอิสระตามเว็บ/บล็อก...พี่สมาร์ท

รับจ้างเป็นนักเขียนอิสระ...พี่สมาร์ท


การรับจ้างเป็นนักเขียนอิสระนั้นแม้รายได้จะไม่ได้สูงมากนักก็ตามแต่ก็ไม่น้อยเลยหากคิดเป็นค่าขนมหลักร้อยถึงหลักพันต่อเดือน(ขึ้นอยู่กับฝีมือและความขยัน) สำหรับ เด็กมัธยม เด็กพาณิชย์ หรือ เด็กมหาลัย ซึ่งงานพวกนี้หาได้ไม่ยากจากอินเตอร์เน็ตเพราะเดียวนี้มีบล็อกเกอร์หลายท่านหรือเว็บมาสเตอร์ต่างๆ จ้างแอดมินหรือ นักเขียนอิสระมาเขียนข้อมูลลงเว็บหรือบล็อกแทน เช่น เจ้านายพี่เจ้าของบล็อกนี้เองก็ขี้เกียจเขียนเช่นกัน
(จะโดนไล่ออกไหมตู นินทาเจ้านายซะงั้น) จึงกลายมาเป็นรายได้ระหว่างเรียนของพี่ อิอิ 

การเตรียมตัวเป็นนักเขียนอิสระที่ดี ก็ไม่ได้ยากมากมาย

---เริ่มจากลองเขียนบทความที่ตัวเองถนัดสัก 400 คำ 
(นับโดยเวิร์ดนะ) แล้วเรียบเรียงให้เรียบร้อยสะอาดตา ใช้ภาษาเข้าใจง่าย เป็นภาษาของตัวเราเอง น่าติดตาม (ถ้าน่าติดตามแปลว่างานจะมีอีกเรื่อยๆ) แล้วส่งให้ผู้หาจ้างงาน แต่ขอให้แจ้งไปชัดเจนเลยว่าบทความนั้นเป็นลิขสิทธิ์ของเราห้ามนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต

---หาประกาศรับสมัครนักเขียนตามเว็บต่างๆ    
แต่เราต้องเลือกงานที่น่าเชื่อถือไม่เขียนเวอร์เกินจริงพี่สมาร์ทเคยโดนมาแล้ว T.T เช่น  บทความละ 100 อันนี้ก็เกินไป แบบนั้นต้องเป็นบทความเฉพาะทาง หรือบทความยาวกว่า1000 คำ เพราะถ้า 400 คำ (ส่วนมากบทความที่เว็บ/บล็อกรับซื้อ จะอยู่ที่ 300-400 คำ) iราคาจะเป็นหลักสิบครับ แต่อย่าคิดว่าน้อยนะครับเพราะ 400 คำ ถ้าเป็นเรื่องที่เราเขียนถนัดๆจริงๆละก็แค่ ไม่เกิน 10 นาทีก็เสร็จครับ

---ต้องพยายามตรวจตราการพิมพ์ของเราอย่าให้ผิด 
และภาษาสก๊อยก็ห้ามเว้นแต่ผู้จ้างประสงค์หรือแสดงเจตนาชัดเจนว่า พิมพ์เพื่อเป็นการหยอกล้อ ร๊ากน๊จุงเบยๆๆๆๆ  เพราะเว็บหรือบล็อกต่างๆไม่มี จนท. พิสูจน์อักษรนะจ๊ะ ความผิดพลาดผู้อ่านจะเป็นคนเห็นและแน่นอนเมื่อมีคอมเม้นให้เว็บ/บล็อกเสียหาย เราจะโดนเด้งคนแรก

---ต้องไม่เขียนพาดพิงใคร
แบบที่พี่มาร์ทพาดพิงเจ้านายเมื่อกี้ อันตรายมากมายนะเอ้อ

---ต้องไม่ลอกใคร อันนี้เป็นจรรยาบรรณ 
อาจหาเป็นแนวทางได้แล้วมาเรียบเรียงใหม่ได้แต่อย่าถึงกับไปก๊อปวางๆ เกินไปเน้อ

ลองดูนะครับ พี่ท็อปเจ้าของบล็อกนี้ก็ยังรับสมัครนักเขียนอยู่นะครับลองสอบถามส่งประวัติกันมา
ถ้าใครเป็น เด็กมัธยม เด็กพาณิชย์ หรือ เด็กมหาลัย จัดมา

หนาวนี้ยังไง???.....น้องบัวตอง

หนาวนี้ยังไง???.....น้องบัวตอง

หนาวนี้ทุกคนเป็นไงบ้างคะ สำหรับบัวเองเรียกได้ว่าผ่านมาสิบกว่ารอบขวบปี แต่หน้าหนาวนี้สิโดนใจ
อยู่ ตจว.หนาวมากคะ เพื่อนๆบางคนอาจสงสัยว่าหนาวแค่ไหน กลางวัน26กลางคืน19 เช้ามา14ก็เจอมาแล้วคะ
---ได้ใส่เสื้อผ้าน่ารักๆไปโรงเรียน(เนียนๆๆ บางวันไม่หนาวก็ใส่ไปทนร้อนเอาคะแบบเด็กมัธยม)
---ได้กินของหวานที่ชอบ บัวลอยเจ้าเพื่อนยาก.....หน้าโรงเรียนอร่อยมาก
---ได้กลับบ้านมืดได้(อันที่จริงก็กลับเวลาเดิมแหละแต่มืดเร็วมาก ระวังๆกันด้วยนะเพื่อนพี่น้อง)
---กินอะไรร้อนๆหรืออุ่นๆได้ไม่ต้องเป่าแถมรู้สึกอร่อยขึ้นด้วย(เช่น แกงส้มชะอม อู๊ววว หิว)
---ห่มผ้านอนสบายดี รู้สึกดีอ่ะ
---ประหยัดไฟค่าพัดลมและแอร์(ไม่ได้เปิดเลย)
---แต่ไปเปลื้องไฟเครื่องทำน้ำอุ่น
---เพราะฉนั้นเลยเลี่ยงบาลีไม่อาบซะเลย (555+)
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆล่ะคะ หนาวนี้ยังไง ............บัวตอง


ยังไงขอฝากงานเขียนผ่าน MORPAMAHALAI ด้วยนะคะติชมกันได้นะ



เหงาๆๆๆ เมื่อไรจะเลิกเหงา......น้องบัวตอง

เหงาๆๆๆ เมื่อไรจะเลิกเหงา......น้องบัวตอง
สวัสดีคะ ความเหงาเชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านมาแล้วทั้งนั่นแหละค่ะเพียงแต่ บางครั้งมันมาแล้วมันไม่ผ่านไปนี่สิคะ จะทำไงกันดี
บัวเชื่อว่าทุกคนคงเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้กันทุกคนคะ 
--นั่งอยู่หน้าคอมออนเฟสแต่ก็เหงา
--อยู่กับเพื่อนเป็นสิบแต่ก็เหงา
--ดูหนังละครเรื่องโปรดอยู่แต่ก็เหงา
--อยู่กับหวานใจแต่ก็เหงา(อันนี้คิดว่ามีปัญหานะคะT.T)
--ไปเที่ยวแต่ก็เหงา (เอาสิ)
--กินข้าวกับครอบครัวแต่ก็เหงา
--นอนกับเพื่อนร่วมห้องแต่ก็เหงา(เฮ้อ)
--อ่านบล็อกนี้ บทความนี้ ตอนนี้แต่ก็เหงาทั้งที่มีเด็กพาณิชย์ เด็กมหาลัย มัธยมเข้ามาคะ(อ่ะคะ)
แต่ก็นะคะการสลัดความเหงาไม่ใช่ว่าทำอะไร แต่คิดอะไรต่างหาก  ถ้าเราคิดบวกไว้ยังไงก็ไม่เหงาค่ะ
ลองดูนะคะ

--นั่งอยู่หน้าคอมออนเฟส-----เพื่อนเยอะจังคุยกะใครดีนะเด็กมัธยมแอดมา อิอิ(ถึงไม่มีคนออนก็ตาม)
--อยู่กับเพื่อนเป็นสิบ----นี่แกๆๆๆ(เห้ยคุยอะไรกัน)
--ดูหนังละครเรื่องโปรดอยู่-----อีตัวร้ายน่าตบจัง(อินไปๆก็หายเหงานะเออ)
--อยู่กับหวานใจ---ที่รักจ๋า(หวานนิดจะเป็นไร)
--ไปเที่ยว-----เอ๋มาคราวที่แล้วไม่ใช้แบบนี้นี่หว่า ต้นหญ้าขึ้นใหม่ตั้งสามต้น (เอาสิ)
--กินข้าวกับครอบครัว----พ่อคะแม่คะทานนี่สิคะ(อิอิ)
--นอนกับเพื่อนร่วมห้อง---แกๆๆๆมีเรื่องผีมาเล่าแหละ(เฮ้ยยยยย)
--อ่านบล็อกนี้ บทความนี้ ตอนนี้----คนเขียนน่ารักไหมน้อออออ(55+)
ยิ้มไว้ไม่เสียหายคะ................บัวตอง


สนามหลวง2 ตลาดนัดธนบุรี เที่ยวสิแล้วจะชอบ...พี่มีน

สนามหลวง2 ตลาดนัดธนบุรี เที่ยวสิแล้วจะชอบ...พี่มีน


ได้มีโอกาสไปเที่ยวสนามหลวง2 ตลาดนัดธนบุรี ต้องบอกก่อนเลยว่าที่นี้สุดยอดจริงๆ จุงเบยๆๆ
เพราะที่นี้รถไม่ติด การเดินทางใช้ได้ทั้งสองเส้นทางทั้งทางถนนพุทธมลฑณ-บรมราชนนี หรือเข้าทางเพชรเกษมก็ได้ เด็กมัธยม สตรีวิทยา๒ คงรู้จักดี^^
บรรยากาศดี สะอาดแล้วคนแม้จะเยอะมากแต่ก็ไม่เบียดเสียดยัดเยียดกันเพราะที่นี้ทำทางเดินค่อนข้างกว้างทีเดียวมีร้านค้าจำหน่ายหลายโซนแบ่งอย่างชัดเจน ของเราคาไม่แพงมากเพราะเน้นขายคนไทย ด้วยกัน พ่อค้าแม่ีค้าที่นี้เป็นกันเองคะ ต่อรองราคามันเลยทีเดียว ที่จอดรถกว้างมากคะ แถมยังมีสวนให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนขากันได้อีกด้วย ของที่ขึ้นชือที่นี้แน่นอนครับว่าเป็นต้นไม้ สัตว์เลี้ยง และของแต่งบ้านซึ่งที่นี้ถือเป็นแหล่งที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว นอกจากนี้ยัง มีกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นดนตรี การแข่งขันเครื่องเสียง เครื่องบินบังคับ เรือบังคับ ลาดกิจกรรม ตลาดของมือสอง และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับน้องๆที่วันหยุดว่างๆเบื่อการเดินห้างแล้วละก็พี่มีนว่า ที่นี้ก็ไม่เลวนะคะ....................พี่มีน เด็กมหาลัย MORPAMAHALAI









25 ม.ค. 2556

สุพรรณบุรี---เที่ยวดีไม่มีปัญหา....พี่มีน

สุพรรณบุรีเมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง

 ฟังแค่คำขวัญก็น่าเที่ยวแล้วคะสำหรับจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพเท่าไร อย่างสุพรรณบุรี น้องๆที่วันหยุดไม่รู้จะไปไหนก็สามารถชวนคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวกันได้ หรือน้องๆที่โตแล้วจะชวนเพื่อนหรือหวานใจไปเที่ยวก็ย่อมได้ เพราะถ้าอยู่กรุงเทพแล้วใช้เวลาเพียง 1 ชม. ก็ถึงตัวจังหวัดได้แล้ว สามารถเที่ยวแบบไปกลับได้สบายๆ เดินทางโดยรถตู้โดยสารราคาเพียง 100 บาทสามารถนั่งได้จากหลายที่ อนุสาวรีย์ ปิ่นเกล้า กองฉลาก ถนนหนทางการเดินทางสะดวกสบาย "ถนนที่ดีกว่าที่สุพรรณไม่มี" คงไม่ใช้คำกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด



 ที่นี้มีแหล่งท่องเที่ยวครบทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัด ตลาด ภจญภัย ท่องเี่ที่ยวถ่ายรูป "ถ้าสุพรรณมีทะเลการท่องเที่ยวทุกอย่างจบที่นี้" แต่ละที่ล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติ เช่น วัดป่าเลไลก์ วัดแค วัดพระรูป อนุสรณ์ดอนเจดีย์



 บึงฉวาก บ้านความ ตลาดร้อยปี อ่างเก็บน้ำกระเสียว นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วสุพรรณยังเป็นเมื่องที่มีแต่ความสุ เพราะนี่คือเมืองที่มีความสุขที่สุดในประเทศ 2 ปีซ้อน ผู้คนที่นี้ใจดี ราคาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่แพงของกินของขายก็อยู่ในราคามิตรภาพ วันหยุดนี้น้องๆไม่รู้จะไปเที่ยวไหนลองมาเที่ยวสุพรรณสิคะรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

ถ้าอยากมาแบบธรรมชาติๆที่สุพรรณแนะนำที่หนึ่งค่ะเจ้าของใจดีมาก ที่อำเภอด่านช้าง สุพรรณ บุรีตรงอ่างเก็บน้ำกระเสียว มีที่กางเต็นเปิดบริการราคาย่อมเยาว์ สะอาดปลอดภัยคะ เจ้าของฝากบอกมาว่าถ้ากดไลท์ที่เพจครั้งแรกบริการที่พักกางเต็นฟรีคะ ย้ำว่าฟรี พร้อมรถรับส่งจากท่ารถตู้สถานีขนส่งด่านช้างถึงที่พักด้วยจร้า สำหรับ เด็กมัธยม เด็ดๆประจำจังหวัดนี้ คือ กรรณสูต กาญจนาฯสุพรรณฯ และสาวสวยจาก สงวนหญิง

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%A5-%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87/392224634198724




ขายของทาง socail network...พี่สมาร์ท

ขายของทาง socail network
เดี่ยวนี้การจะต้องร้านค้าขายบนเน็ตง่ายดายพอๆกับหายใจเรยที่เดียว
แค่เอาของที่เราอยากขายลงบนเว็บประกาศฟรีที่มีอยู่เกลื่อนเน็ตซึ่งแน่นอนว่ามีคุณภาพบ้างไม่มีบ้าง
ตาดีก็ขายได้ ตาร้ายก็เสียดายเวลาโพส(ฮา)
แล้วยังมีให้เปิดร้านค้าออนไลน์กันฟรีๆอีก อย่าง Welove Shopping ซึ่งเหมาะกับน้องๆ เด็กมัธยม หรือเด็กมหาลัย มากเพราะไม่เสียค่าใช้จ่ายเรย เพียงแต่ความน่าเชื่อถือก็น้อยลงไป เพราะไม่สามารถแสดงตัวตนได้ดีเท่าไร
ที่พี่มาร์ทจะแนะนำคือการขายผ่าน socail network อย่างเฟส ซึ่งง่ายได้ มากมายจะสร้างเพจหรือกลุ่มหรือเอาหน้าเฟสเราอย่างเดียวก็ยังได้
แต่ข้อดีของการสร้างเพจคือเราโพสคนเดียวไม่รกหูรกตากับข้อความอื่นควบคุมได้ไม่เหมือนกลุ่มที่ใครที่ร่วมกลุ่มโพสก็ได้
วันนี้พี่มีตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จจากการขายของทางเน็ตมาให้ดูกัน


พี่หมวยร้าน https://www.facebook.com/muaynomsod2 ซึ่งกำลังมาแรงในตอนนี้

อาชีพเสริม---เป็นดรอปชิปปิ้งกัน ...พี่สมาร์ท

อาชีพเสริม---เป็นดรอปชิปปิ้งกัน
กลายเป็นอาชีพเสริมที่กำลังมาแรงมาในตอนนี้สำหรับดรอปชิปปิ้ง เพราะแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
และไม่ต้องมีความรู้เชียวชาญก็ทำได้ขอเพียงมี ทักษะการแชร์เป็นพอ เหมาะมากกับเด็กมหาลัย เด็กมัธยมและเด็กพาณิชย์ก็ทำได้ครับ อิอิ ซึ่งพี่มาร์ทเชื่อว่าน้องๆทุกคน เชี่ยวชาญกันอยู่แล้วโดยเฉพาะ เฟสบุ๊ค วิธีการแสนจะง่ายดาย เพียงแค่ไปสมัครเป็นตัวแทนร้านค้าซึ่งมีมากมายหลายร้าน แล้วเอาข้อมูลและรูปของสินค้ามา พร้อมกับแชร์ไปในเฟสบุค ไลน์ ทวิตเตอร์ IG หรือในบล็อก เมื่อมีคนวนใจจะซื้อก็ให้โอนเงินให้เราแล้วเราหักเปอร์เซ็นส่งไปให้ทางร้าน

สมัครเป็นตัวแทนร้าน
v
v
v
เซฟรูปราคาทางร้านมา
v
v
v
เอาไปโพสในเฟสบุค ไลน์ ทวิตเตอร์ IG
v
v
v
รับสั่งของ

v
v
v
รอลูกค้าโอนเงิน

v
v
v
โอนเงินที่หักค่าคอมแล้วให้ทางร้าน








เช่น ในรูปกระเป๋าอันนี้ราคา 1299 เราได้ 10 เปอร์เซ็น เท่ากับ 129 บาท หนึ่งวันมีคนห้าคนจากเพื่อนๆที่เรามีในเฟสเป็นร้อยเป็นพัน หักค่าโอนแล้วก็ยังเหลือเป็นค่าขนมเพราะเราเองแทบไม่ได้ลงทุนอะไรเลย
แต่ต้องระวังบ้้างเจ้าที่ เวลาส่งของให้ลูกค้าไม่ได้ส่งในนามเราแถมให้ที่อยู่เว็บตัวเองลูกค้าจะได้ไม่ผ่านเราอีก ซวยไป!!!!
แต่บ้างเจ้าพี่มาร์ทว่าดีมากๆเลยบอกทุนมาให้เราไปบวกเอง
รุ่นน้องพี่ทำดรอปชิปปิ้งอยู่เดือนหนึ่งก็มีค่าขนมหลายพันอยู่ใครสนใจสอบถามกันได้นะครับ รำ่รวยๆ
พี่สมาร์ท